หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนั้น โรคต้อกระจกเป็นภาวการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดจากอาการตาขุ่นของเลนส์ตา ซึ่งโดยปกติแล้วเลนส์ตาของเราจะมีลักษณะใส และทำหน้าที่ในการรวมแสงให้มาตกที่จอประสาทตาพอดี และเมื่อเกิดต้อกระจกแล้วอาจทำให้แสงไม่สามารถเข้าไปในดวงตาได้ตามปกติ ส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจนมากเท่าที่ควร อย่างไรก็ดีการรักษาต้อกระจกมีเรื่องน่ารู้คืออะไรบ้าง มาดูพร้อมๆ กัน
อาการที่ทำให้เกิดต้อกระจก
สำหรับอาการที่ทำให้เกิดต้อกระจกนั้นมีดังต่อไปนี้
1.มองไม่ชัดเจน สำหรับอาการแรก คืออาการมองไม่ชัดเจน โดยไม่มีอาการอักเสบหรือปวดแต่อย่างใด บางครั้งอาจเห็นเป็นสีมัวๆ แบบมีฝ้าบังหรือมีหมอกบัง แต่จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับระดับและตำแหน่งความขุ่นในเนื้อเลนส์
2.ภาพซ้อน สำหรับภาพซ้อนนั้นเกิดจากเลนส์แก้วตามีความขุ่นไม่เท่ากัน อีกทั้งยังมีความหักเหของแสงที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถรวมกันเป็นจุดเดียว ในกรณีของผู้ป่วยบางรายอาจมีสายตาสั้นมากขึ้น จนต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อยๆ บางรายที่สายตาสั้นมากก็สามารถกลับมาอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใส่แว่นได้อีกเช่นกัน
3.สู้แสงสว่างไม่ได้ สำหรับคนที่มีอาการมากขึ้น อาจจะมองเห็นแสงไฟกระจัดกระจาย ส่งผลให้สู้แสงสว่างไม่ได้ ยิ่งใครที่ขับรถตอนกลางคืนก็ยิ่งเกิดผลดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง
4.มองเห็นสีผิดเพี้ยน การมองเห็นสีต่างๆ จะผิดเพี้ยนไปจากเดิมได้ และอาจจะต้องการแสงสว่างมากขึ้นในการมองอีกด้วย
5.กรณีต้อกระจกสุก สำหรับกรณีที่ต้อกระจกสุกนั้นอาจเห็นสีขาวที่รูม่านตา ซึ่งปกติแล้วจะเห็นเป็นสีดำนั่นเอง ในกรณีที่ละเลยทิ้งไว้ อาจจะทำให้ต้อกระจกสุกเกินไป และทำให้เกิดโรคต้อหินก็ได้ บางครั้งอาจมีการอักเสบในดวงตา ทำให้ปวดตาแดงและหากว่าเป็นร้ายแรงก็อาจจะมีอาการตาบอดได้อีกด้วย
การรักษาต้อกระจก
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าเมื่อป่วยเป็นโรคต้อกระจกนั้น จะสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัดได้หรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วการไม่ผ่าตัดหรือการเปลี่ยนแว่นตา การหยอดตาอาจเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ เพราะแท้ที่จริงยังไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้นั่นเอง การรับประทานยาใดๆ เองก็อาจทำให้เกิดผลเสียได้ วิธีรักษาที่ดีที่สุดก็คือการผ่าตัดเท่านั้น
และนี่ก็คือสิ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้มาก่อนเกี่ยวกับการรักษาต้อกระจก และอาการที่อาจจะเกิดจากต้อกระจก ในกรณีที่หลายๆ คนรู้สึกว่าตนเองเป็นมากควรรีบทำการปรึกษาแพทย์โดยด่วนจะดีที่สุด